Shopping Cart
ใช้ SpeedFusion ข้ามทวีป

ในยุคโลกาภิวัตน์ที่ธุรกิจต้องมีสาขาหรือพาร์ทเนอร์อยู่หลายประเทศ การสื่อสารและส่งข้อมูลระหว่างทวีปจึงกลายเป็นความท้าทาย ทั้งเรื่องความเร็ว ความเสถียร และความปลอดภัยในการเชื่อมต่อเครือข่าย WAN แบบเดิมอาจไม่ตอบโจทย์ ปัญหา Latency, Bandwidth Drop หรือการโดนแทรกแซงข้อมูล สามารถส่งผลเสียต่อการดำเนินธุรกิจโดยตรง SpeedFusion คือเทคโนโลยี VPN ระดับองค์กรจาก Peplink ที่ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้โดยเฉพาะ สามารถเชื่อมโยงสำนักงานใหญ่ สาขาย่อย และพนักงานที่อยู่คนละทวีปเข้าหากันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

SpeedFusion คืออะไร?

SpeedFusion เป็นเทคโนโลยี VPN เฉพาะของ Peplink ที่รวมจุดเด่นของ SD-WAN เข้าด้วยกัน เช่น การ Bonding อินเทอร์เน็ตหลายเส้น, Hot Failover, WAN Smoothing และการเข้ารหัสข้อมูลแบบ End-to-End ช่วยให้เชื่อมต่อข้ามทวีปแบบ “เสมือนอยู่เครือข่ายเดียวกัน” ได้จริง

ทำไมธุรกิจต้องใช้ SpeedFusion ในการเชื่อมต่อข้ามทวีป?

1. ลด Latency เชื่อมต่อได้รวดเร็วขึ้น

SpeedFusion สามารถ Bond อินเทอร์เน็ตหลายเส้นทั้ง 4G/5G/Leased Line/Starlink/บรอดแบนด์ ให้กลายเป็น “ท่อเดียว” ที่กว้างขึ้น ส่งผลให้ Latency ระหว่างทวีปลดลง การใช้งาน Realtime เช่น VDO Call, Remote Desktop, ระบบ ERP Cloud จึงไหลลื่น ไม่สะดุด

2. ความเสถียรสูงมาก

หากเส้นใดเส้นหนึ่งล่ม SpeedFusion จะทำ Hot Failover ทันที ผู้ใช้งานแทบไม่รู้สึกถึง Downtime หมดปัญหาเรื่องอินเทอร์เน็ตต่างประเทศไม่นิ่ง

3. ปลอดภัยสูงสุดด้วยการเข้ารหัสแบบ End-to-End

ข้อมูลที่วิ่งระหว่างแต่ละ Site จะถูกเข้ารหัสตลอดทาง ป้องกันการถูกดักฟังหรือโจมตีจากผู้ไม่หวังดี

4. รองรับการกระจายสาขา และพนักงาน Remote ทั่วโลก

ไม่ว่าจะอยู่สหรัฐฯ ยุโรป เอเชีย หรือออสเตรเลีย ก็สามารถเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบสำนักงานใหญ่ได้เหมือนอยู่ที่เดียวกัน

5. รองรับ Multi-Cloud และ SaaS ระดับโลก

เหมาะสำหรับธุรกิจที่ใช้งานบริการ Cloud หลายเจ้า เช่น AWS, Azure, Google Cloud, Microsoft 365, SAP Cloud ฯลฯ

กรณีตัวอย่างการใช้งาน SpeedFusion ข้ามทวีป

  • บริษัทข้ามชาติ ที่มีสำนักงานใหญ่ในไทย สาขาในอเมริกา/ยุโรป สามารถรวมทรัพยากรไอทีและส่งไฟล์งานข้ามทวีปได้เร็วขึ้น
  • โรงงานอุตสาหกรรม ที่มีโรงงานผลิต/สำนักงาน R&D ในคนละประเทศ สามารถดู CCTV/SCADA ข้ามทวีปแบบ Real-time
  • บริษัทไอที ที่ต้องการให้ทีม DevOps, Support หรือ Call Center เชื่อมต่อกลับศูนย์กลางจากทั่วโลก

วิธีเริ่มต้นใช้ SpeedFusion ข้ามทวีป

  1. เลือกอุปกรณ์ Peplink ที่รองรับ SpeedFusion เช่น Balance, MAX Series หรือ Transit
  2. วางแผนเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหลายเส้น ทั้งในแต่ละประเทศและที่สำนักงานใหญ่
  3. ตั้งค่า SpeedFusion Tunnel ผ่าน Web UI หรือ InControl2
  4. ปรับแต่ง Policy Routing, WAN Smoothing, Hot Failover ตามรูปแบบธุรกิจ
  5. ทดสอบ Latency, Bandwidth และ Failover เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: จำเป็นต้องมีอินเทอร์เน็ตหลายเส้นหรือไม่?

A: เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดแนะนำให้ใช้อินเทอร์เน็ตหลายเส้น (Multi-WAN) สำหรับการ Bonding และ Failover แต่ SpeedFusion ก็สามารถทำงานบนอินเทอร์เน็ตเส้นเดียวได้

Q: SpeedFusion ดีกว่า VPN แบบ IPSec/SSL อย่างไร?

A: SpeedFusion ใช้เทคนิค Bonding ที่เหนือกว่า สามารถรวม Bandwidth ได้จริง ไม่ใช่แค่ Split-Session อีกทั้งยังทำ Failover แบบ Real-time โดยไม่หลุด Session

Q: รองรับ Cloud Platform อะไรบ้าง?

A: สามารถเชื่อมต่อกับ Cloud ผ่าน FusionHub (VM) ได้ทั้ง AWS, Azure, Google Cloud, DigitalOcean ฯลฯ

สรุป

SpeedFusion คือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับองค์กรที่ต้องเชื่อมต่อข้ามทวีป ช่วยให้ธุรกิจเดินหน้าอย่างมั่นใจ ไร้รอยต่อ ทั้งเรื่องความเร็ว ความเสถียร และความปลอดภัย

ชอบไหม? แชร์ให้เพื่อนๆ ของคุณดู