Shopping Cart
FusionHub กับ Azure

ในยุคที่การเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่างสาขาและศูนย์ข้อมูลกลายเป็นหัวใจหลักของธุรกิจ “FusionHub” คือโซลูชัน Virtual Appliance จาก Peplink ที่ช่วยให้คุณสร้างเครือข่าย VPN ระดับองค์กรบน Cloud ได้ง่ายและยืดหยุ่น โดยเฉพาะเมื่อใช้งานร่วมกับแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Microsoft Azure หรือการติดตั้งบน VPS ทั่วไป ทั้งนี้เพื่อให้ธุรกิจของคุณมั่นใจในความเสถียร ความปลอดภัย และขยายตัวได้ไม่จำกัด

FusionHub คืออะไร?

FusionHub คือ Virtual Appliance ที่ช่วยให้คุณสร้าง SpeedFusion VPN แบบเสมือน (Virtual VPN) บนคลาวด์หรือบนเซิร์ฟเวอร์ VPS ทั่วไป เปรียบเสมือนเป็น “Gateway กลาง” สำหรับการเชื่อมต่อทุกสาขา ทุกอุปกรณ์เข้าเป็นเครือข่ายเดียวกัน ช่วยจัดการทราฟฟิก ขยายความสามารถ VPN bonding, WAN smoothing, Hot Failover และเสริมความปลอดภัยสำหรับข้อมูลองค์กร

ข้อดีของ FusionHub กับ Microsoft Azure

1. ขยายเครือข่ายองค์กรสู่ Cloud ได้อย่างยืดหยุ่น

  • รองรับการเชื่อมต่อจากหลายสาขา หลายอุปกรณ์ผ่าน SpeedFusion VPN
  • เพิ่ม/ลดทรัพยากรเซิร์ฟเวอร์ได้ง่าย ตามการขยายตัวของธุรกิจ

2. ความเสถียรและความปลอดภัยสูง

  • Azure มี SLA 99.99% ลด Downtime
  • ได้ความปลอดภัยในระดับ Data Center ของ Microsoft
  • Traffic ทุกเส้นทางผ่าน VPN Encryption ระดับองค์กร

3. ลดต้นทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน

  • ไม่ต้องลงทุนอุปกรณ์ Hardware Gateway จริง
  • เลือกขนาด/สเปก VM ได้ตามงบประมาณ
  • จ่ายตามการใช้งาน (Pay-as-you-go)

วิธีการติดตั้ง FusionHub บน Azure

  1. สร้าง Virtual Machine (VM) บน Azure Portal
    • เลือก Marketplace > ค้นหา FusionHub หรือ Import VHD ของ FusionHub
    • กำหนดขนาด VM (เช่น Standard B1ms, D2s v3 ฯลฯ)
  2. ตั้งค่าการเชื่อมต่อเครือข่าย (Networking)
    • เปิดพอร์ตที่จำเป็น (TCP 32015, UDP 4500, 32015)
    • กำหนด Public IP สำหรับ VM
  3. ติดตั้งและ Activate License FusionHub
    • อัปโหลด VHD/OVA ไฟล์
    • เข้าหน้าเว็บ Management UI > Activate ใส่ License
  4. เชื่อมต่อ SpeedFusion จากอุปกรณ์ Peplink ที่สาขา/สำนักงาน
    • ตั้งค่า Peer/Remote IP เป็น Public IP ของ FusionHub ที่ Azure
    • ใส่ Key และพารามิเตอร์ตามปกติ

FusionHub บน VPS (เช่น DigitalOcean, Vultr, AWS EC2 ฯลฯ)

  • หลักการเหมือนกับการวางบน Azure คือ Deploy FusionHub บน VM
  • เลือก Cloud Provider ที่เหมาะสมกับงบประมาณ/ที่ตั้ง
  • ตั้งค่า Networking และ Security Group ตามมาตรฐาน

ข้อดีของการวางบน VPS:

  • มีตัวเลือกแพลตฟอร์มหลากหลาย
  • ควบคุมงบประมาณได้
  • ยืดหยุ่นในการขยาย/ลดทรัพยากร

เหมาะกับใคร?

  • องค์กรที่มีหลายสาขา, มี Remote User, ต้องการ Backhaul Data กลับสำนักงานใหญ่
  • ธุรกิจที่ต้องการความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity)
  • System Integrator/IT Admin ที่ต้องการความคล่องตัว ไม่ยึดติดกับ Hardware

สรุป

FusionHub คือทางเลือกที่ยืดหยุ่นและปลอดภัยสำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายองค์กรบน Cloud โดยเฉพาะเมื่อใช้งานร่วมกับ Microsoft Azure หรือ VPS เจ้าอื่น ๆ ช่วยลดต้นทุน สร้างความต่อเนื่องทางธุรกิจ ขยายระบบได้รวดเร็ว และมอบความปลอดภัยในระดับองค์กรอย่างแท้จริง

Q&A: คำถามที่พบบ่อย

Q: FusionHub จำเป็นต้องใช้กับ Peplink Router เท่านั้นหรือไม่?
A: ใช่ จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ Peplink (เช่น Balance, MAX, BR1 ฯลฯ) ที่รองรับ SpeedFusion

Q: FusionHub บน Azure กับ VPS เจ้าอื่น ๆ ต่างกันอย่างไร?
A: หลักการใช้งานเหมือนกัน ต่างกันที่ SLA, ความสะดวก, การซัพพอร์ต และค่าใช้จ่าย

Q: ต้องซื้อ License FusionHub แยกต่างหากหรือไม่?
A: ใช่ ต้องซื้อ License ตามจำนวน Peer/Throughput ที่ต้องการ

ชอบไหม? แชร์ให้เพื่อนๆ ของคุณดู